ติดตั้งแอร์ภายในบ้าน
6 ข้อควรรู้ก่อนจะ ติดตั้งแอร์ภายในบ้าน
ต้องบอกว่าประเทศไทยนั้นมีอากาศร้อนแทบทั้งปี ยิ่งในยุคปัจจุบันที่เกิดภาวะโลกร้อนก็ยิ่งทำให้อากาศเปลี่ยนแปลง จากที่ต้องหนาวกลับรู้สึกร้อน เพราะฉะนั้นการติดตั้งแอร์จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลาย ๆ บ้านให้ความสำคัญ
อย่างไรก็ตามการติดตั้งแอร์หรือเครื่องปรับอากาศนั้นมีมานานหลายปีแล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่ศึกษาข้อมูลก่อนติดตั้งแอร์ วันนี้เราขอนำเสนอ 6 ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ ติดตั้งแอร์ภายในบ้าน
1.ตรวจสภาพเครื่องและอุปกรณ์
ไม่ว่าจะสั่งสินค้ามาจากไหนก็ตาม เมื่อได้รับของแล้ว เราก็ควรตรวจสอบให้รอบคอบก่อน โดยเริ่มจากการตรวจกล่อง สิ่งของที่อยู่ในกล่อง รวมถึงคู่มือและสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกจัดมา
เพื่อให้ทราบว่าสิ่งที่เราได้รับนั้นตรงตามที่ระบุหรือไม่ นอกจากนี้ยังจะช่วยให้เราได้เช็คสภาพสินค้าที่ได้รับด้วยว่าตรงตามความต้องการหรือไม่
2.สำรวจตำแหน่งที่จะติดตั้ง
ตำแหน่งติดตั้งแอร์ที่เหมาะสมสำหรับแฟนคอยล์ ยูนิต (Fan Coil Unit) หรือคอยล์เย็น ที่อยู่ภายในบ้านหรือห้องนอน ต้องติดไว้กับด้านผนังที่เชื่อมต่อกับข้างนอกได้ เพราะเครื่องแอร์จะอยู่ข้างนอกและมีฟังก์ชันที่เชื่อมต่อกัน
ดังนั้นต้องมีท่อแอร์ที่เชื่อมต่อกัน และถ้าหากเลือกได้ไม่ควรติดตั้งไว้บริเวณหัวเตียงและบนโทรทัศน์ เพราะลมแอร์จะเป่าข้ามไม่ถึงตัวเรา อีกทั้งยังทำความสะอาดได้ค่อนข้างยากด้วย
3.คอยเช็คการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ (คอยล์เย็น) ภายในบ้าน
ผู้ที่จะติดตั้งแอร์ต้องคอยดูช่างว่าทำงานมีคุณภาพหรือไม่ อย่างน้อย ๆ ก็ควรรู้ด้วยว่าการจะติดตั้งแอร์นั้นมีวิธีและขั้นตอนอะไรบ้าง หากศึกษาข้อมูลคร่าว ๆ แบบพื้นฐานก่อนจะดีมาก
เพราะจะทำให้เรารู้ว่าช่างที่จ้างมานั้นทำงานได้ดีและมีความละเอียดมากน้อยแค่ไหน และมีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง
4.ติดตั้งคอนเดนเซอร์ ยูนิต (คอยล์ร้อน) ภายนอกบ้าน
ก่อนทำการติดตั้งก็ต้องดูจุดติดตั้งว่าเหมาะสมหรือไม่ สามารถระบายลมร้อนได้ดีหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็จะติดอยู่ข้างบ้าน แต่ไม่ชิดกับตัวฝาผนังของบ้าน โดยช่างจะเว้นช่องบริเวณนี้ไว้ เพื่อเวลาถอดอุปกรณ์จะได้สอดมือเข้าไปได้
และด้านที่เป็นช่องระบายลมร้อนจะต้องไม่มีอะไรมาบังและไม่ชิดผนังเกินไป ซึ่งควรเว้นระยะไว้ประมาณ 60 เซนติเมตร เพื่อให้ลมระบายความร้อนได้ และไม่ควรวางคอนเดนเซอร์ ยูนิต ตั้งบนพื้น ถึงจะมีขาก็ตาม เป็นไปได้ควรยิงขายึดเข้ากับผนังเลย
5.การแวคคัมหลังติดตั้ง
แวคคัมคือการไล่อากาศและความชื้นในระบบแอร์ออกก่อนที่ช่างจะเติมน้ำยา ซึ่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที ควรสังเกตให้ดีว่าช่างทำงานเรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งหลังจากแวคคัมเสร็จแล้วจะต้องอัดน้ำยาและลองเปิดเครื่องดู เพื่อให้รู้ว่าแอร์เย็นและฟังก์ชันอื่น ๆ ทำงานปกติไหม
6.หลังติดตั้ง และการดูแลรักษา
หลังจากติดตั้งควรให้ช่างมาเช็คและล้างแอร์ทุก ๆ 6 เดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมากที่สุด โดยในระหว่าง 6 เดือนนี้เราสามารถทำให้แอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ โดยการเปิดหน้ากากในแฟนคอยล์ ยูนิต แล้วจะเห็นแผ่นกรอง
ซึ่งสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ เพราะหากมีฝุ่นเกาะอยู่มากจะทำให้ประสิทธิภาพการหมุนเวียนอากาศนั้นน้อยลง ส่งผลให้แอร์ทำงานหนักขึ้น และกินไฟมากขึ้นแต่เย็นน้อยลง เพราะฉะนั้นควรถอดออกนำมาล้างและตากให้แห้ง จากนั้นก็นำไปใส่เหมือนเดิม
